สร้างยอดขายซ้ำให้ปัง ด้วยกลยุทธ์ที่แม่นยำ

ในโลกของการตลาดดิจิทัลยุคใหม่ การหาลูกค้าใหม่อาจเป็นเรื่องยากและใช้ต้นทุนสูงขึ้นเรื่อย ๆ แต่รู้หรือไม่ว่า “ลูกค้าเก่า” ที่เคยซื้อสินค้าหรือบริการจากเรามีแนวโน้มจะซื้อซ้ำมากกว่าลูกค้าใหม่ถึง 60-70%? นี่จึงเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้นักการตลาดหันมาให้ความสำคัญกับกลยุทธ์ Retargeting หรือ “การทำโฆษณาติดตามลูกค้า” เพื่อเพิ่มยอดขายจากกลุ่มลูกค้าเดิมอย่างมีประสิทธิภาพ

ในบทความนี้ เราจะพาคุณไปรู้จักกับ เทคนิค Retargeting ตั้งแต่พื้นฐานไปจนถึงขั้นสูง พร้อมแนวทางปฏิบัติที่ตรงตามหลัก SEO และแนวทาง E-E-A-T (Experience, Expertise, Authoritativeness, Trustworthiness) ของ Google เพื่อให้คุณสามารถนำไปปรับใช้กับธุรกิจของคุณได้จริง

---

Retargeting คืออะไร?

Retargeting (หรือ Remarketing ใน Google Ads) คือเทคนิคการทำโฆษณาออนไลน์ที่มีเป้าหมายในการ แสดงโฆษณาไปยังผู้ที่เคยมีปฏิสัมพันธ์กับธุรกิจของคุณมาก่อน เช่น เคยเข้าชมเว็บไซต์ เคยกดดูวิดีโอ เคยคลิกโฆษณา หรือเคยซื้อสินค้า

ตัวอย่างการใช้งาน Retargeting

• ลูกค้าที่เคยเข้าหน้า “สินค้า” แต่ยังไม่ซื้อ

• ผู้ที่เคย Add to Cart แต่ยังไม่ Checkout

• ผู้ที่เคย Inbox มาสอบถามรายละเอียดสินค้า

• ลูกค้าเก่าที่เคยซื้อสินค้าแล้วเงียบหายไป

---

ทำไม Retargeting ถึงสำคัญ?

การ Retargeting ช่วยสร้าง “ความคุ้นเคย” กับแบรนด์ และกระตุ้นการตัดสินใจซื้อซ้ำจากลูกค้าที่มีแนวโน้มสูง เพราะ:

• ลูกค้าเคยรู้จักแบรนด์มาก่อน ไม่ต้องเริ่มใหม่

• ต้นทุนต่อ Conversion ต่ำกว่าการยิงหาลูกค้าใหม่

• เพิ่ม ROI ได้อย่างชัดเจน

• ใช้ข้อมูลพฤติกรรมของลูกค้าเพื่อส่งโฆษณาที่แม่นยำ

---

เทคนิค Retargeting ที่ได้ผลจริง

1. สร้าง Custom Audience จากผู้ที่เคยเข้าเว็บไซต์

ใช้ Facebook Pixel หรือ Google Tag Manager เก็บข้อมูลผู้เยี่ยมชม แล้วสร้างกลุ่มเป้าหมายเฉพาะ เช่น:

• ผู้ที่เข้าหน้าสินค้าเฉพาะตัว

• ผู้ที่ใช้เวลาบนเว็บไซต์มากกว่า 1 นาที

• ผู้ที่เข้าหน้าชำระเงินแต่ยังไม่จ่าย

Tip: ควรตั้งเวลา Retarget ภายใน 7-30 วัน เพื่อให้ลูกค้ายังจำแบรนด์ได้

---

2. ใช้วิดีโอ Content เพื่อเก็บ Engagement

หากคุณมีวิดีโอโฆษณา ให้ตั้งค่า Retarget คนที่ดูวิดีโอจนถึง 50% หรือ 95% เพราะคนกลุ่มนี้แสดงความสนใจสูง

เทคนิค:
สร้าง Lookalike จากกลุ่มคนดูวิดีโอเพื่อขยายกลุ่มเป้าหมายที่มีพฤติกรรมคล้ายกัน

---

3. Retarget ด้วยโปรโมชั่นพิเศษเฉพาะลูกค้าเก่า

ตัวอย่างเช่น:

• ส่งโค้ดส่วนลดเฉพาะผู้เคยสั่งซื้อ

• เสนอสินค้ารุ่นใหม่เฉพาะลูกค้าเก่า

• แจ้งเตือนสินค้าใกล้หมดอายุ (เช่น ครีม, อาหารเสริม)

เพิ่มความเชื่อถือด้วย:

• รีวิวจากลูกค้าที่กลับมาซื้อซ้ำ

• แสดงจำนวนครั้งที่ลูกค้าเก่าซื้อแล้วพึงพอใจ

---

4. ใช้ Email Retargeting ควบคู่กับโฆษณา

หากคุณมีรายชื่ออีเมลลูกค้า สามารถนำไป Sync กับ Facebook หรือ Google เพื่อยิงโฆษณาเฉพาะกลุ่มนี้ได้

เคล็ดลับ:
ใช้ Subject line ที่กระตุ้นการคลิก เช่น

• “มีของใหม่มาบอกลูกค้าคนพิเศษเท่านั้น”

• “ขอบคุณที่ไว้วางใจ – รับส่วนลดเพิ่มอีก 10%”

---

5. แบ่งกลุ่มลูกค้าเพื่อส่งข้อความที่เฉพาะเจาะจง

ลูกค้าที่เคยซื้อสินค้า A อาจสนใจสินค้า B ที่ใกล้เคียงกัน ดังนั้น:

• แบ่งกลุ่มตามพฤติกรรมการซื้อ

• ยิงโฆษณา Cross-sell หรือ Upsell ให้ตรงกลุ่ม

• สื่อสารด้วยข้อความที่ “รู้ใจ” ลูกค้า

---

ปรับใช้ Retargeting อย่างไรให้ตรงหลัก SEO และ E-E-A-T

1. ใช้หน้า Landing Page ที่มีเนื้อหาคุณภาพ

• อธิบายสินค้า/บริการอย่างชัดเจน

• ใส่รีวิวลูกค้าจริง เพิ่มความน่าเชื่อถือ

• มีรูปภาพ/วิดีโอประกอบที่เกี่ยวข้อง

2. แสดงประสบการณ์และความเชี่ยวชาญ (Experience & Expertise)

• มีชื่อผู้เขียนบทความ หรือเจ้าของแบรนด์

• มีประสบการณ์จริง เช่น “ผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาดออนไลน์ 10 ปี”

• ใส่กรณีศึกษา หรือผลงานที่ผ่านมา

3. สร้างความน่าเชื่อถือ (Authoritativeness)

• เว็บไซต์ควรมีหน้า “เกี่ยวกับเรา” ที่ชัดเจน

• มีข้อมูลการติดต่อ และโซเชียลมีเดียที่ใช้งานจริง

• มีการอ้างอิงแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือในบทความ

4. ทำให้ผู้ใช้รู้สึกปลอดภัย (Trustworthiness)

• มีระบบ SSL บนเว็บไซต์ (https)

• มีรีวิว/คำแนะนำจากลูกค้า

• มีนโยบายความเป็นส่วนตัวที่ชัดเจน

---

สรุป: ทำ Retargeting อย่างไรให้ยอดขายพุ่ง

การ Retargeting ไม่ใช่แค่การยิงโฆษณาตามลูกค้าเท่านั้น แต่คือการ “เข้าใจ” พฤติกรรมของลูกค้า แล้วออกแบบข้อความ/ข้อเสนอที่ตรงใจ

Checklist ก่อนเริ่ม Retargeting

• ติด Pixel หรือ GTM ให้เรียบร้อย

• แบ่งกลุ่มลูกค้าอย่างละเอียด

• สร้างคอนเทนต์ที่มีคุณภาพและน่าสนใจ

• วัดผลทุกแคมเปญ และปรับตามข้อมูลจริง

---

คำถามที่พบบ่อย (FAQ)

Q: Retargeting เหมาะกับธุรกิจประเภทใด?

A: แทบทุกธุรกิจ ทั้ง E-commerce, บริการ, อสังหาฯ หรือคลินิกความงาม เพราะลูกค้าเก่าทำกำไรสูงกว่าลูกค้าใหม่เสมอ

Q: ต้องใช้งบประมาณเท่าไร?

A: เริ่มต้นที่ 100-300 บาทต่อวันก็ได้ผล ถ้าตั้งกลุ่มเป้าหมายชัดเจน

Q: Retargeting ทำผ่านแพลตฟอร์มใดได้บ้าง?

A: Facebook Ads, Google Ads, TikTok Ads และ Email Marketing ก็ใช้หลัก Retargeting ได้เช่นกัน

---

หากคุณต้องการเพิ่มยอดขายโดยไม่ต้องเสียงบมากกับลูกค้าใหม่ “Retargeting” คือกลยุทธ์ที่ต้องใช้ให้เป็น! เมื่อวางแผนดี ยิงโฆษณาตรงจุด และใส่ใจเรื่องประสบการณ์ผู้ใช้ คุณจะสามารถเพิ่มยอดขายจากลูกค้าเดิมได้อย่างยั่งยืนแน่นอน

เอเจนซี่ทำการตลาดออนไลน์
ที่เน้นผลลัพธ์เชิงธุรกิจ

ทุกธุรกิจที่ทำการตลาดออนไลน์ล้วนต้องการทิศทางที่ถูกต้องและผลลัพธ์ที่แม่นยำมากที่สุด แต่สิ่งสำคัญคือ เราวิเคราะห์ตลาดและคู่แข่งลึกมากพอแล้วหรือยัง 99AdsAgency ใช้เครื่องมือระดับสากลที่พร้อมช่วยให้การทำดิจิตอลมาเก็ตติ้งประสบความสำเร็จมากที่สุด

รับแผนกลยุทธ์ฟรี

ชื่อ-นามสกุล(Name)

เบอร์โทร(Tel)

อีเมล์(Email)

บริษัท/ธุรกิจ/โรงแรม(Company/Business/Hotel)

งบโฆษณา/Advertising budget

หัวข้อที่ปรึกษา? (Topic)